Knowledge publications
TISCO Asset Management
language TH
เติบโตไปกับแบรนด์ชั้นนำของโลก ผ่านการลงทุนกองทุน TBRAND
Aug 2, 2024 at 6:28 AM · 16 min read
Aug 2, 2024 at 6:28 AM
16 min read
Like 0dislikeShare
เติบโตไปกับแบรนด์ชั้นนำของโลก ผ่านการลงทุนกองทุน TBRAND

ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นโลกที่เกิดจากความท้าทายในหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งทางการเมือง ภูมิรัฐศาสตร์ อัตราดอกเบี้ยสูง หรือปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่กระทบยอดขายและกำไรของหลายธุรกิจ แต่ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้ไปได้ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ซึ่งสะท้อนผ่านราคาหุ้นที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทที่เป็นแบรนด์ระดับโลก ซึ่งมีความสามารถในการแข่งขันสูง ครองส่วนแบ่งการตลาดสูงในอุตสาหกรรมของตัวเอง และมีอำนาจในการต่อรองราคา อย่างเช่น Nvidia, Microsoft, Apple ในกลุ่มเทคโนโลยี, Meta ในกลุ่มบริการสื่อสาร, Hermes ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และ Visa ในกลุ่มการเงิน


บริษัทเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะขับเคลื่อนชีวิตผู้คนผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังมีผลการดำเนินงานที่ดีเยี่ยมและให้ผลตอบแทนโดดเด่นแก่นักลงทุนอีกด้วย ซึ่งนักลงทุนเองก็สามารถมีโอกาสร่วมเติบโตไปกับบริษัทชั้นนำเหล่านี้ได้ ผ่านการลงทุนในกองทุนที่เน้นลงทุนในแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง TISCO World Brands Fund (TBRAND)


ทำไมต้อง TBRAND


คำตอบก็คือ TBRAND มีการบริหารจัดการโดย Lombard Odier ซึ่งให้ความสำคัญกับการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นแบรนด์ผู้นำของโลก โดยคัดเลือกหุ้นที่มีสินค้ายากจะเลียนแบบ มีผลประกอบการดี สามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง มีอำนาจในการต่อรองราคา และลูกค้ามีความภักดีในแบรนด์สูงจนมีต้นทุนสูงในการเปลี่ยนไปใช้แบรนด์อื่น โดย TBRAND จะแบ่งการลงทุนเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่


  1. Global Brands (44%) ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง มีความภักดีของผู้บริโภค และสามารถขยายธุรกิจไปในหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น Apple, LVMH, L'Oreal, Coca-Cola
  2. Digital Brands (47%) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้ ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์สูง และมีต้นทุนสูงในการเปลี่ยนไปใช้คู่แข่ง เช่น Nvidia, Microsoft, Meta, AMD
  3. Upcoming Brands (9%) ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำเทรนด์และนวัตกรรม มีโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด และมีศักยภาพในการเติบโตสูง อย่างเช่น Pop Mart, Lululemon, On Holding


การลงทุนใน TBRAND จึงถือเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ร่วมเติบโตไปกับบริษัทที่เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งสามารถสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นให้กับนักลงทุนในระยะยาว

 

การแบ่งสัดส่วนการลงทุนตามประเภทของบริษัท

ที่มา: LO Funds – World Brands Presentation (July 2024)

จุดเด่นของ TBRAND ไม่ได้มีเพียงแค่การคัดเลือกบริษัทชั้นนำระดับโลกเท่านั้น เพราะยังมีการบริหารจัดการเชิงรุก ที่พร้อมปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ของตลาดได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ตัวอย่างเช่น ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา กองทุนหลักก็ได้มีการลดการลงทุนในหุ้นจีนลงเหลือเพียง 2% เนื่องจากตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนและปรับตัวลงแรง แต่เมื่อตลาดจีนเริ่มมีแนวโน้มฟื้นตัวและมีมุมมองในเชิงบวกมากขึ้น กองทุนก็ได้ปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในจีนขึ้นเป็น 9.8% ภายในเดือนพฤษภาคม ก่อนที่จะลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.4% ในเดือนมิถุนายน


นอกเหนือจากการปรับพอร์ตการลงทุนตามภูมิศาสตร์แล้ว TBRAND ยังปรับสัดส่วนการลงทุนในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจอีกด้วย อย่างเช่นในช่วงท้ายของการแพร่ระบาดโควิด-19 กลางปี 2022 กองทุนถือครองหุ้นในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Staple) สูงถึง 25% หรือ 1 ใน 4 ของพอร์ต ขณะที่ถือครองหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี (IT) 19% แต่ในเดือนมิถุนายน 2024 กองทุนได้ปรับลดสัดส่วนหุ้นอุปโภคบริโภคลงเหลือ 4% ขณะที่เพิ่มหุ้นในกลุ่ม IT ขึ้นเป็น 32% เพื่อให้สามารถเข้าไปรับผลตอบแทนจาก Mega Trend ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผลตอบแทนของกองทุนโดดเด่นขึ้นมากในปีนี้


ดังนั้นจะเห็นว่า จุดแข็งของ TBRAND นอกจากการลงทุนในแบรนด์ดังระดับโลกแล้ว ยังอยู่ที่การบริหารจัดการที่ยืดหยุ่นและรวดเร็วในการปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ของตลาดด้วย ไม่ว่าจะเป็นในมุมของภูมิศาสตร์หรือมุมของกลุ่มอุตสาหกรรม

นี่จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว และมีโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการปรับพอร์ตอย่างรวดเร็วและแม่นยำของทีมจัดการกองทุนด้วย

  

การปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในกลุ่มธุรกิจในสอดคล้องกับภาวะตลาด


ที่มา: LO Funds – World Brands Fact Sheet as of July 2022 & June 2024


สัดส่วนอุตสาหกรรมและหุ้นหลักที่ลงทุน


โดยปัจจุบัน TBRAND เน้นลงทุนใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ Consumer Discretionary 35%, Information Technology 32% และ Communication Services 12% ซึ่งสูงกว่าน้ำหนักใน MSCI World ที่เป็น Benchmark หลักของกองทุน ในแง่ของภูมิศาสตร์ กองทุนให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ มากที่สุดที่ 60% ตามมาด้วยจีนและฝรั่งเศส โดย Top 10 Holdings ที่กองทุนถือมากที่สุด มีถึง 6 บริษัทที่เป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น Nvidia, Microsoft, Meta, Alphabet, Amazon และ Apple นอกจากนี้ยังมีหุ้นแบรนด์หรูอย่าง Ferrari, Hermes รวมถึงผู้นำด้านการเงินอย่าง Visa และกลุ่มโรงแรมอย่าง Hilton ด้วย โดยหากดูภาพรวมแล้ว กองทุนจะกระจายการลงทุนไปยัง 30-60 บริษัท


กองทุนนี้คัดเลือกหุ้นอย่างไร


สำหรับกระบวนการคัดเลือกหุ้นของกองทุนหลักนั้น จะเริ่มจากการคัดกรองบริษัทประมาณ 400 บริษัท จากทั้งหมด 3,000 ตัวใน Investment Universe โดยพิจารณาจากเกณฑ์ความเป็นแบรนด์ชั้นนำเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงคัดเลือกต่อจากปัจจัยพื้นฐานทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการประเมินมูลค่าหุ้น ราคาเป้าหมาย กลยุทธ์ทางธุรกิจ ความสามารถในการแข่งขันและกำหนดราคา ไปจนถึงธรรมมาภิบาล สุดท้ายจะได้หุ้นประมาณ 30-60 บริษัทที่มีแบรนด์แข็งแกร่ง มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีศักยภาพในการเติบโตสูง


ทั้งนี้ ทีมจัดการกองทุนจะติดตามบริษัทที่ลงทุนอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับเปลี่ยนสัดส่วนการถือครองให้สอดคล้องกับภาวะตลาด เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับนักลงทุน ด้วยกระบวนการคัดเลือกหุ้นและการบริหารจัดการกองทุนอย่างมืออาชีพเช่นนี้ ส่งผลให้ในช่วงต้นปีจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายน 2024 ผลการดำเนินงานของกองทุนหลักอยู่ที่ +15.47% และหากดูผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง +19.53% ขณะที่หากดูผลตอบแทนระยะยาวในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง +75.01% หรือเฉลี่ยปีละ 11.79% ซึ่งถือเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจมากๆ สำหรับนักลงทุนที่มองการลงทุนในระยะยาว

 

ผลการดำเนินงานรายปีใน 5 ปีที่ผ่านมา


ที่มา: LO Funds – World Brands Fact Sheet as of June 2024


สรุปได้ว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนในตลาดการลงทุน การเลือกลงทุนในบริษัทที่เป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่มีผลประกอบการแข็งแกร่งและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ เพื่อสร้างผลตอบแทนและเติบโตไปกับบริษัทเหล่านี้ในระยะยาว


โดยหนึ่งในกองทุนที่น่าสนใจคือ TISCO World Brands Fund (TBRAND) ซึ่งเน้นลงทุนในบริษัทแบรนด์ระดับโลก ผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างเข้มข้นทั้งเชิงคุณภาพแบรนด์และปัจจัยพื้นฐานการเงิน อีกทั้งยังมีทีมบริหารเชิงรุกที่พร้อมปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับภาวะตลาดได้อย่างรวดเร็ว เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว


ดังนั้น TBRAND จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่มีศักยภาพเติบโตอย่างยั่งยืน และมีโอกาสรับผลตอบแทนจากการบริหารกองทุนโดยทีมมืออาชีพ หากใครกำลังมองหาการลงทุนระยะยาวที่มั่นคงและต้องการรับผลตอบแทนพิเศษ กองทุนเด่นอย่าง TBRAND คือคำตอบที่น่าสนใจ

 





กองทุนเปิด ทิสโก้ World Brands (TBRABD) มีนโยบายลงทุนในหุ้นของบริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์ชั้นนำในตลาดและมีคุณค่าเหนือระดับ บริษัทที่มีสินค้าและบริการที่มีชื่อเสียง มีคุณภาพสูงและให้ความหรูหรา รวมถึงบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวข้องกับแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก มีความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) กองทุนอาจมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคตต สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ.ทิสโก้ หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 02-633-6000 กด 4     


  รายงานฉบับนี้ไม่ถือว่าเป็นคำเสนอหรือคำชี้ชวนให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ และจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อประโยชน์แก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเท่านั้น มิให้นำไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือโดยทางอื่นใด ทิสโก้ไม่ต้องรับผิดต่อความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นโดยตรงหรือเป็นผลจากการใช้เนื้อหาหรือรายงานฉบับนี้ การนำไปซึ่งข้อมูล บทความ บทวิเคราะห์ และการคาดหมายทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ในรายงานฉบับนี้เป็นการนำไปใช้โดยผู้ใช้ยอมรับความเสี่ยงและเป็นดุลยพินิจของผู้ใช้แต่ผู้เดียว

บทความที่เกี่ยวข้อง